วันพุธที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

การเก็บรักษาขนมไทย




              ในการบรรจุน้ำมันพืชสำหรับปรุงอาหาร  น้ำสลัด  ซอสและ ขนมทอดหรืออบชนิดต่าง ๆ ที่มีไขมันมาก อย่างไรก็ตาม  การใช้ พลาสติก PVC  บรรจุอาหารจะต้องระมัดระวังเรื่องวัตถุเจือปนที่ใช้แต่งเติมใน  PVC  เช่น  สารแต่งเติมเพื่อให้ PVC  มีความยืดหยุ่นและอ่อนตัวได้มากขึ้น  สารแต่งเติมเพื่อความเสถียรต่อความร้อนที่ใช้ในกระบวนการขึ้นรูป  เป็นต้น  นอกจากนี้   PVC  ยังสามารถแตกตัวได้ง่ายที่อุณหภูมิประมาณ  70-90 องศาเซลเซียส  ซึ่งจะก่อให้เกิด VCM (vinyl  chloride  monomer)  ซึ่งเป็นอันตรายต่อผู้บริโภค ไม่มีสีใด ๆ เจือปน  เว้นแต่วัสดุบรรจุ  ไม่สัมผัสโดยตรงกับอาหาร ไม่มีเชื้อจุลินทรีย์ที่ทำให้เกิดโรค

 การบรรจุเพื่อการขนส่ง หรือการบรรจุภายนอก 
                  การบรรจุเพื่อการขนส่ง หรือการบรรจุภายนอก  การบรรจุประเภทนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้เกิดความสะดวก  ปลอดภัย  แข็งแรงในการขนส่งมากกว่าการดึงดูดใจผู้ซื้อ  ฉะนั้นการบรรจุภายนอกจะหุ้มห่อสำหรับผู้บริโภคจำนวนมากๆ ทั้งนี้เพื่อความสะดวกในการขนส่ง

การเก็บรักษาขนมไทยไว้ได้นาน  และถูกสุขลักษณะ
             การเก็บรักษาขนมไทยให้ได้นาน  และถูกสุขลักษณะ  ควรปฏิบัติดังนี้
     
       ขนมที่เสียง่าย  ส่วนใหญ่จะมีมะพร้าวเป็นส่วนประกอบ  โดยเฉพาะขนมที่ใช้มะพร้าวสำหรับคลุก  เช่น  ขนมต้มแดง  ขนมถั่วแปบ  ขนมด้วงสด  ขนมเปียกปูน  ขนมขี้หนู ฯลฯ  หากต้องการยืดระยะเวลา   ควรนำมะพร้าวที่ใช้สำหรับคลุกไปนึ่งในน้ำเดือดอย่างน้อย  20  นาที  ส่วนขนมที่ใช้กะทิสด  เช่น  ขนมลอดช่องไทย  ขนมเรไร  ขนมรวมมิตร  ฯลฯ       การคั้นกะทิควรใช้น้ำสุกอุ่นคั้น  หรือนำกะทิไปตั้งไฟพอเดือด  คนกะทิบ่อยๆ  เพื่อไม่ให้กะทิจับตัวกัน
เป็นก้อน  หากรับประทานแล้ว    ยังมีกะทิเหลือ  ควรเก็บในตู้เย็น  เมื่อจะนำมารับประทาน  ควรนำไปอุ่นให้ร้อนด้วยการนึ่ง  หรืออุ่นด้วยเตาอบไมโครเวฟ
  
      ขนมที่เสียยาก  ส่วนใหญ่เป็นขนมที่มีความชื้นน้อย  เช่น  ขนมข้าวตู  ขนมข้าวตอกตั้ง  ขนมอาลัว  ขนมทองเอก  ฯลฯ  หรืออาจจะเป็นขนมที่มีความเข้มข้นของน้ำตาลสูง  เช่น  ขนมทองหยิบ  ขนมทองหยอด  ขนมข้าวเหนียวแก้ว  ฯลฯ  ควรเก็บไว้ในที่แห้งและเย็น  หรืออาจจะเก็บไว้ในตู้เย็นก็จะช่วยให้ขนมเหล่านี้สามารถยืดระยะเวลาในการเก็บ ทำให้คุ้มค่ากับราคามากยิ่งขึ้น
      
        การใช้สารบางอย่างเหล่านี้มีกฎหมายควบคุมและมีปริมาณที่ให้ใช้ตามอัตราส่วนที่กำหนด  สารดังกล่าวที่อนุญาตให้ใช้มีดังนี้
          -   โซเดียมเบนโซเอต  ใช้กับอาหารทุกชนิดไม่เกิน  1กรัม ต่อ 1 กิโลกรัม
          -   กรดซอร์บิคหรือแคลเซียมซอร์เบท  ใช้กับอาหารทุกชนิดไม่เกิน  1กรัม ต่อ 1 กิโลกรัม
          -   กรดแอสคอร์บิค  เป็นตัวป้องกันกลิ่นหืนใช้กับอาหารทุกชนิดไม่เกิน  1 กรัม ต่อ 1 กิโลกรัม         
                 
        ข้อควรปฏิบัติในการเก็บรักษาขนมไว้ให้ได้นานและถูกสุขลักษณะ
                ขนมที่ปรุงเสร็จแล้วไม่ว่าจะเป็นขนมที่เสียง่ายหรือเสียยาก ควรเก็บในที่มิดชิด  หรือใช้ภาชนะที่มีฝาปิด  มีฝาชีครอบ  เก็บในตู้ลวดตาข่ายหรือตู้กระจก  เพื่อป้องกันแมลงวันตอม  และฝุ่นละออง  แต่มีข้อควรระวังโดยเฉพาะตู้กระจกไม่ควรเก็บขนมขณะยังร้อนเพราะทำให้กระจกฝ้าเกิดหยดน้ำต้องเสียเวลาในการเช็ดกระจก  อีกทั้งอาจทำให้ขนมบูดเสียเร็วขึ้น



เคล็ดลับขนมไทย ทำอย่างไรให้อร่อย

          ขนมไทย... หัตถกรรมความอร่อยที่แสดงออกถึงความอ่อนช้อยของความเป็นไทย ขนมไทยหลายชนิดผ่านขั้นตอนการปรุงแต่งและลงมือทำอย่างประณีต จนเกิดเป็นขนมไทยที่อร่อย น่ารับประทาน ด้วยเทคนิคอันเป็นเอกลักษณ์ของไทย วันนี้ไม่พลาดที่จะนำ เทคนิคการทำ ขนมไทยแต่ละประเภทมาฝากกันครับ


\
 รูปขนมไทยประเภททอด

ขนมประเภททอด

          ขนมไทยที่ใช้วิธีการทอดมีอยู่หลายอย่างด้วยกัน แต่ที่คุ้นหูและเคยเห็นวางขายในตลาดอยู่บ่อย ๆ ได้แก่ ขนมฝักบัว ขนมกรอบเค็ม ขนมดอกจอก ขนมเกลียว ขนมงา ขนมทองพลุ เป็นต้น แต่จะทอดขนมเหล่านี้อย่างไรให้น่ารับประทาน พร้อมทั้งหลีกเลี่ยงปัญหากลิ่นเหม็นหืนของน้ำมันที่ติดมากับขนม เรามีวิธีการทอดและการใช้ความร้อนที่เหมาะสมกับลักษณะของขนมแต่ละชนิดมาบอกกันครับ

        
  การเลือกน้ำมัน เป็นสิ่งที่จำเป็นมากในการทอดขนมไทย เพราะน้ำมันบางชนิดเมื่อทอดแล้วจะมีกลิ่นหืนตกค้างอยู่ในขนม แนะนำให้เลือกใช้น้ำมันที่สกัดมาจากปาล์มเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหากลิ่นหืนที่ติดมากับขนม

        
  การใช้ไฟในขณะทอด อุณหภูมิของการทอดขนมจะขึ้นอยู่กับแต่ละชนิดของขนม บางชนิดต้องใช้อุณหภูมิต่ำบางชนิดต้องใช้อุณหภูมิปานกลางถึงสูงแต่ในการทอดครั้งแรกอาจจะใช้น้ำมันที่ร้อนจัดเพื่อให้ขนมฟูขึ้น เมื่อฟูเต็มที่แล้วจึงลดไฟลงเป็นไฟกลาง แล้วค่อย ๆ ลดลงมาเหลือไฟอ่อน ๆ เช่น การทอดขนม ทองพลุ

        
  การนำลงทอด ขณะทอดไม่แนะนำให้คนบ่อย ๆ ควรปล่อยให้สุกหรือเกือบเหลืองจึงกลับอีกด้าน การทอดแต่ละครั้งไม่ควรทิ้งเศษขนมให้ตกค้างในน้ำมันต้องคอยช้อนเศษขนมขึ้นจากน้ำมันให้หมด เพราะจะทำให้อุณหภูมิของน้ำมันต่ำลงเร็วส่งผลให้น้ำมันเปลี่ยนเป็นสีคล้ำทำให้ขนมสีไม่สวย



  
รูปขนมไทยประเภทกวน
 ขนมประเภทกวน

          ถ้าพูดถึงขนมไทยที่ใช้วิธีการกวนในการทำ หลายคนคงเคยลิ้มรสชาติขนมเหล่านี้มาบ้างแล้วไม่ว่าจะเป็นขนมตะโก้ ขนมเปียกปูน ลอดช่องไทย ซ่าหริ่ม เผือกกวน กระยาสารท กะละแม เป็นต้น กว่าจะได้มาเป็นขนมที่อร่อยเชื่อว่าต้องผ่านกรรมวิธีเทคนิคต่าง ๆ และไม่พลาดที่จะคัดสรรวัตถุดิบอย่างดี

        
  เตรียมแป้งก่อนกวนทุกครั้ง แป้งที่ใช้ในการกวนจะต้องเป็นแป้งที่เก็บไว้ไม่นานจนเกินไป ทุกครั้งที่นำแป้งมาใส่ภาชนะเพื่อกวนกับส่วนผสมอื่น ๆ แนะนำให้ค่อย ๆ เทส่วนผสมอื่นลงไปทีละน้อยพร้อมกับนวดแป้งให้เหนียวอย่างเบามือประมาณ 10 นาที จึงใส่ของเหลวที่เหลือทั้งหมดลงไป แล้วนวดให้เป็นเนื้อเดียวกัน

        
  การใช้ไฟในขณะกวน การกวนขนมควรใช้ไฟกลางหรือไฟอ่อน ไม่ควรใช้ไฟแรงเป็นอันขาด เพราะจะทำให้ขนมจับตัวเร็วขึ้น เนื้อขนมไม่เหนียวหรืออาจไหม้ได้ง่าย แนะนำให้ใช้ไฟอ่อน ๆ เพื่อให้ขนมสุกทั่วและป้องกันการไหม้ของขนมระหว่างกวน

        
  เทคนิคการกวน พายที่ใช้กวนส่วนมากเป็นพายไม้ เพราะมีความแข็งแรงและไม่มีส่วนใดละลายลงไปปนเปื้อนขนมวิธีกวนที่จะทำให้ได้ขนมมีความเหนียวดีจะต้องกวนไปทางเดียวกันตลอดจนขนมได้ที่




รูปขนมไทยประเภทวุ้น

 ขนมประเภทวุ้น

          วุ้นถือได้ว่าเป็นขนมที่หลายคนชื่นชอบ สามารถรับประทานได้ทั้งเด็กและ ผู้ใหญ่มีวิธีการทำที่ไมยุ่งยากเหมือนการทำขนมชนิดอื่น ๆ เพราะมีผงวุ้นสำเร็จรูปที่วางขายในตลาดให้เลือกหลายแบบหลายรส เช่น วุ้นกะทิใบเตย วุ้นลาย วุ้นชั้น วุ้นลูกตาล หรือวุ้นสังขยา แต่การทำวุ้นให้ได้รสชาติที่ถูกปากนั้นควรเข้าใจในการเลือกวัตถุดิบและเรียนรู้เทคนิคการทำอย่างเข้าใจ

        
  การใช้ผงวุ้น ในท้องตลาดมีวุ้นหลายยี่ห้อด้วยกัน ซึ่งจะมีคุณสมบัติแตกต่างกัน อาทิ มีความเหนียวน้อยเหนียวมากแตกต่างกันออกไป ปกติแล้วผงวุ้นจะใช้อัตราส่วนมาตรฐานคือ 1 ช้อนโต๊ะ ต่อน้ำ 2 ถ้วยตวง

        
  การตั้งไฟ ควรใช้ไฟปานกลางในการเคี่ยวต้มวุ้นให้ใสเป็นเงา ต้องให้ผงวุ้นละลายก่อนจึงใส่น้ำตาล ส่วนการทำวุ้นให้เป็นชั้น ๆ ไม่ควรทิ้งผิววุ้นให้แห้ง เพราะเมื่อเราหยอดชั้นต่อไปจะทำให้วุ้นไม่ติดกันจนทำให้แต่ละชั้นหลุดออกจากกันได้ถ้าต้องการให้วุ้นมีความกรอบแนะนำให้ตั้งไฟเคี่ยวนาน ๆ เพื่อให้เหนียว แล้วคอยตักฟองออก






รูปขนมไทยประเภททอบ
ขนมประเภทอบ

          การอบขนมเป็นวิธีที่ได้รับความนิยม เพียงแค่นำส่วนผสมที่เตรียมไว้เข้าเตาอบใช้เวลารอไม่นานก็ได้ขนมอบสุก มีกลิ่นหอมน่ารับประทาน นอกจากนี้การอบยังเป็นการยืดอายุในการเก็บรักษาขนมไว้ได้นานกว่าปกติ เช่น ขนมกลีบลำดวน ขนมผิง ขนมหม้อแกง ขนมไข่ เป็นต้น ซึ่งการอบขนมเเต่ละครั้งอาจจะไม่ได้ตามที่เราต้องการเสมอไป แต่อาจขึ้นอยู่กับการเลือกอุปกรณ์ในการอบ

        
  การเลือกพิมพ์อบหรือถาดอบ ต้องเลือกใช้วัสดุที่ทำมาจากอะลูมิเนียมและอะลูมิเนียมฟอยล์ ไม่ควรใช้พิมพ์อบที่ทำมาจากสเตนเลสเพราะมีความร้อนสูงและเก็บความร้อนได้นาน ทำให้ขนมไหม้เร็วไม่น่ารับประทาน ส่วนการอบขนมเป็นชิ้นเล็ก ๆ นิยมใช้ถาดอบเตี้ยหรือถาดไม่มีขอบเพราะจะทำให้ความร้อนกระจายทั่วถึง สำหรับการอบขนมชิ้นใหญ่ เช่น ขนมบ้าบิ่น ขนมหม้อแกง ควรใช้ถาดมีขอบสูงประมาณ 1 นิ้ว เมื่ออบสุกตามที่ต้องการแล้วสามารถยกเสิร์ฟหรือจัดจำหน่ายทั้งถาดได้เลย

          การทำขนมไทยจะไม่เป็นเรื่องที่ยุ่งยากอีกต่อไป เพียงแค่เราฝึกฝนวิธีการทำอย่างตั้งใจ ตลอดจนการคัดเลือกวัตถุดิบการแต่งแต้มสีสัน ความสวยงาม กลิ่นหอม รูปลักษณ์ให้ชวนน่ารับประทาน เพราะสิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงเอกลักษณ์ของวัฒนธรรมไทย
ขนมไทยนั้น ถือว่าเป็นขนมที่อยู่คู่กับคนไทยของเรา มาเป็นเวลานานมากเลยก็ว่าได้นะคะ และก็จะมีความสัมพันธ์กับคนไทยเราจนแทบจะแยกกันไม่ออกเลยก็ว่าเข้า เพราะว่าขนมไทยนั้นก็ได้เข้ามาอยู่ร่วมกับการใช้ชีวิตของคนไทย และขนบธรรมเนียม วัฒนธรรมของไทยเราต่างๆ มากมาย ซึ่งสำหรับขั้นตอนในการทำขนมไทยนั้น ก็ถือไดว่ามีขั้นตอนที่หลากหลายขั้นตอนนะคะ (เรียกได้ว่ายากนั่นเอง) และการทำขนมไทยนั้นก็ยังจะต้องอาศัยฝีมือความประณีตในการทำด้วย และการทำขนมไทยนั้นก็จะต้องมีใจเย็นด้วย
ขนมไทยในสมัยก่อนนั้น ก็จะเป็นขนมที่อยู่ในวังนะคะ จนกระทั่งได้มีการนำออกมาเผยแพร่สู่ชาวบ้าน และก็ได้เป็นการถ่ายทอดกันออกมาตั้งแต่รุ่นสู่รุ่นนั่นเอง จึงถือได้ว่าขนมไทยของเรานั้นได้อยู่คู่กันกับคนไทยของเรามาเป็นเวลานาน และจึงควรที่จะมีการอนุรักษ์ขนมไทยเอาไว้เพื่อให้ชนรุ่นหลังได้รู้จักกันด้วย
และสำหรับวิธีในการอนุรักษ์ขนมไทยที่ง่ายที่สุดเลยคือ เรานั้นก็ควรที่จะหันมาเลือกทานขนมไทยกันให้มากขึ้น เพื่อที่จะขนมไทยนั้นจะได้มีการทำขายออกสู่ตลาดอยู่ตลอดเวลา และก็เป็นการทำให้ขนมไทยนั้นสูญหายไปจากประเทศไทยด้วยนั่นเอง ซึ่งการที่เรานั้นหันมาเลือกทานขนมไทยมายิ่งขึ้นนั้น มันก็จะช่วยทำให้ผู้ผลิตขนมไทยนั้นมีกำลังใจในการที่จะผลิตขนมไทยออกมาสู่ตลาดมากยิ่งขึ้น และมันก็จะเป็นการช่วยสืบสานขนมไทยนั้นไม่ให้หายไปอีกด้วยนะคะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น