วันพุธที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ความสำคัญของขนมไทย

    ขนมไทยหัตถกรรมความอร่อยที่แสดงออกถึงความอ่อนช้อยของความเป็นไทยตั้งแต่ครั้งอดีตกาลที่ก่อกำเนิดภูมิปัญญาไทยหลากหลายอย่างให้ สืบสานต่อทั้งวิถีชีวิตประเพณีวัฒนธรรมที่สามารถนำวัสดุมีอยู่ในท้องถิ่นมาปรุงแต่งเป็นของหวานได้มากหลายรูปแบบจัดเป็นมรดกทางวัฒน ธรรมอย่างหนึ่งที่บ่งบอกว่าคนไทยมีลักษณะนิสัยอย่างไรเพราะขนมแต่ละชนิดล้วนมีเสน่ห์แสดงให้เห็นถึงความละเอียดอ่อนประณีตวิจิตรบรร จงในรูปลักษณ์ตั้งแต่วัตถุดิบที่ใช้วิธีการทำที่กลมกลืนความพิถีพิถันสีที่ให้ความสวยงามมีกลิ่นหอมรสชาติของขนมที่ละเมียดละไมชวนให้รับ ประทานแสดงให้เห็นว่าคน ไทยเป็นคนใจเย็น รักสงบ มีฝีมือเชิงศิลปะคำว่า "ขนม" เข้าใจว่ามาจากคำสองคำที่มาผสมกันคือ "ข้าวหนม" และ " ข้าวนม" เข้าใจว่าเป็นข้าวผสมน้ำอ้อย น้ำตาล โดยอนุโลมคำว่าหนม แปลว่า หวาน   ข้าวหนม ก็แปลว่า ข้าวหวาน เรียกสั้นๆ เร็วๆ ก็กลายเป็น ขนม ไป ส่วนที่ว่ามาจากข้าวนม (ข้าวเคล้านม) นั้นดูจะเป็นตำนานแขกโบราณ อย่างข้าวมธุปายาส (ที่นางสุชาดาทำถวายพระพุทธเจ้าเมื่อตอนตรัสรู้ก็ว่าเป็นข้าวหุงกับนม) คำว่า ขนม มีใช้มาหลายร้อยปียากจะสันนิฐานแน่นอนได้ เช่นเดียวกับไม่มีหลักฐานยืนยันแน่นอนว่า "ขนมไทย" เกิดขึ้นมาตั้งแต่สมัยใดเป็นครั้งแรก   แต่ตามประวัติศาสตร์ไทยมีหลักฐานตอนหนึ่งว่า มีการจารึกชื่อขนมในแท่งศิลาจารึก เป็นการจารึกแบบลายแทงสมัยโบราณ ขนมที่ปรากฏคือ " ไข่กบ นกปล่อยบัวลอยอ้ายตื้อ"ถามผู้ใหญ่ดูถึง ได้รู้ว่า 


รูปขนมไทยโบราณ


ไข่กบ หมายถึง เม็ดแมงลัก นกปล่อย หมายถึง ลอดช่อง บัวลอย หมายถึง ข้าวตอก อ้ายตื้อ หมายถึง ข้าวเหนียว ขนมทั้งสี่ใช้น้ำกระสายอย่างเดียวกันคือ


รูปขนมทั้งสี่
" น้ำกะทิ" โดยใช้ถ้วยใส่ขนม ซึ่งเราเรียกการเลี้ยงขนม ๔ อย่างนี้ว่า "ประเพณี ๔ ถ้วย" 
ขนมประเภทที่ใช้ข้าว(แป้ง)น้ำตาลมะพร้าวคงจะมีมาตั้งแต่สมัยสุโขทัยและกรุงศรีอยุธยาตอนต้นเพราะมีการติดต่อกับต่างประเทศกล่าวว่าในสมัย สมเด็จพระนารายณ์มหาราชมีท่านผู้หญิงของเจ้าพระยาวิชาเยนชร์บรรดาศักดิ์"ท้าวทองกีบม้า"ทำหน้าที่เป็นผู้กำกับชาวพนักงานของหวานได้ประดิษฐ์ คิดค้นขนมตระกูลทองเพราะมีไข่ผสมคือ ทองหยิบ ทองหยอด ทองพลุ ฝอยทอง ทองโปร่ง เป็นต้กาพย์เห่ชมเครื่องคาว-หวาน บทพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ล้นเกล้ารัชกาลที่ ๒ ที่ทรงพระราชนิพนธ์ ชมพระศรีสุริเยนทรา บรมราชชนนีด้วยกระบวนแต่งเครื่องเสวย ที่ไม่มีผู้ใดจะเสมอได้ในครั้งนั้น ด้วยกาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน ที่ไพเราะยิ่ง ในฝีพระหัตถ์ด้วย   
โคลง
สังขยาหน้าไข่คุ้นเคยมี  
แกมกับข้าวเหนียวสี  โศกย้อม
เป็นนัยนำวาที  สมรแม่ มาแม่
แถลงว่าโศกเมอพร้อมเพียบแอ้ อกอร
กาพย์  
* สังขยาหน้าตั้งไข่  
ข้าวเหนียวใส่สีโศกแสดง
เป็นนัยไม่เคลือบแคลง  
แจ้งว่าเจ้าเศร้าโศกเหลือ
* ซ่าหริ่มลิ้มหวานล้ำ
แทรกใส่น้ำกะทิเจือ
วิตกอกแห้งเครือ
ได้เสพย์หริ่มพิมเสนโรย
* ลำเจียกชื่อขนม
นึกโฉมฉมหอมชวยโชย
ไกลกลิ่นดิ้นแดโดย
โหยไห้หาบุหงางาม
* มัศกอดกอดอย่างไร
น่าสงสัยใคร่ขอถาม
กอดเคล้นจะเห็นความ
ขนมนามนี้ยังแคลง
* ลุตตี่ นี่น่าชม
แผ่แผ่นกลมเพียงแผ่นแผง
โอชาหน้าไก่แกง
แคลงของแขกแปลกกลิ่นอาย
* ขนมจีบเจ้าจีบห่อ
งามสมส่อประพิมประพาย
นึกน้องนุ่งจีบถวาย
ชายพกจีบกลีบแนบเนียน
* รสรักยักลำนำ
ประดิษฐ์ทำขนมเทียน  
คำนึงนิ้วนางเจียน
เทียนหล่อเหลาเกลากลึงกลม
* ทองหยิบทิพย์เทียมทัด
สามหยิบชัดน่าเชยชม
หลงหยิบว่ายาดม
ก้มหน้าเมินเขินขวยใจ
* ขนมผิงผิงผ่าวร้อน
เพียงไฟฟอนฟอกทรวงใน
ร้อนนักรักแรมไกล
เมื่อไรเห็นจะเย็นทรวง
* รังไรโรยด้วยแป้ง
เหมือนนกแกล้งทำรังรวง
โอ้อกนกทั้งปวง
ยังยินดีด้วยมีรัง
* ทองหยอดทอดสนิท
ทองม้วนมิดคิดความหลัง
สองปีสองปิดบัง
แต่ลำพังสองต่อสอง
* งามจริงจ่ามงกุฎ
ใส่ชื่อดุจมงกุฎทอง
เรียมร่ำคำนึงปอง
สะอิ้งน้องนั้นเคยแล
* บัวลอยเล่ห์บัวงาม
คิดบัวถามแก้วกับตน
ปลั่งเปล่งเคร่งยุคล
สถนนุชดุจประทุม
* ช่อม่วงเหมาะมีรส
หอมปรากฏกลโกสุม
คิดสีสไบคลุม
หุ้มห่อม่วงดวงพุดตาน
* ฝอยทอง เป็นยองใย
เหมือนเส้นไหมไข่ของหวาน
คิดความยามเยาวมาลย์  
เย็บชุนใช้ไหมทองจีนฯ
     

                      วิถีชีวิตของคนไทยนั้นเป็นสังคมเกษตรที่มีผลิตผลทางธรรมชาติอยู่มากมายเช่นกล้วยอ้อยมะม่วงรวมไปถึงข้าวเจ้าข้าวเหนียวฯลฯที่สามารถ ปรุงเป็นขนมได้มากมายหลายชนิดเช่นอยากได้กะทิก็เก็บมะพร้าวมาขูดคั้นน้ำกะทิอยากได้แป้งก็นำข้าวมาโม่เป็นแป้งทำขนมอร่อยๆเช่นบัวลอยกิน กันเองในครอบครัวขนมไทยถูกนำไปใช้ในงานบุญตามประเพณีและงานพิธีกรรม ที่เกี่ยวข้องในวิถีชีวิตชาวไทย โดยนิยมทำขนมชื่อมีมงคล ได้แก่ ขนมตระกูลทองทั้งหลาย เพราะคนไทยถือว่า "ทอง" เป็น ของดีมีมงคลทำแล้วได้มีบุญกุศล มีเงินมีทอง มีลาภยศ สรรเสริญ สมชื่อขนมนั่นเอง


ขนมไทยในงานประเพณี   ที่นิยมใช้ในงานประเพณีต่างๆ มีดังนี้
               เทศกาลสงกรานต์ซึ่งถือว่าเป็นวันขึ้นปีใหม่ไทยจะใช้ขนมที่เป็นมงคลนามจัดเป็นขนมชั้นดีใช้ในการทำบุญเลี้ยงพระแล้วก็เตรียมขนมสำหรับรับรอง แขกเหรื่อที่มารดน้ำดำหัวขอพรผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือสมัยโบราณจะกวนกะละแมแต่ปัจจุบันอาจใช้ขนมอื่นๆที่อร่อยและสวยงามเช่นขนมชั้นขนมลูก ชุบตามความสะดวก เทศกาลเข้าพรรษา (แรม ๑ ค่ำเดือน ๘) ขนมไทยที่ใช้ได้แก่ ข้าวต้มมัดและขนมแกงบวดต่างๆ เช่น ฟักทองแกงบวด กล้วยบวชชี เป็นต้นเทศกาลออกพรรษา มีพิธีทำบุญตักบาตรเทโว ขนมที่ใช้ในการทำบุญ คือข้าวต้มลูกโยน  สารทไทย เป็นงานประเพณีที่ชาวไทยทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้แก่ญาติมิตรผู้ล่วงลับ จะมีขนมไทยประจำภาค อาทิ
                    ภาคเหนือ : กล้วยตาก เพราะมีกล้วยมาก นอกจากตากก็มีกวนและของแช่อิ่ม
                    ภาคกลาง : กระยาสารท เคียงคู่กับกล้วยไข่
                    ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ : เรียกว่า งานบุญข้าวจี่ ขนมที่ใช้ได้แก่ ขนมเทียน ข้าวจี่
                    ภาคใต้ : เรียกว่างานบุญเดือนสิบ ขนมที่ใช้ได้แก่ ขนมลา ขนมกง ขนมพอง
ขนมไทยในพิธีกรรม    ขนมที่นิยมใช้ทำบุญเลี้ยงพระในงานมงคลหรือพิธีกรรมที่ขาดไม่ได้ ได้แก่
•  ขนมตระกูลทอง เช่น ทองเอก ทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง และ•  ขนมมงคลนาม เช่น ขนมถ้วยฟู ขนมชั้น ขนมจ่ามงกุฎ
ขนมเสน่ห์จันทร์  ขนมไทยในพิธีกรรมต่างๆ มีดังนี้
พิธีแต่งงาน นอกจากจะมีขนมมงคลนามที่ใช้ในงานมงคลแล้ว ที่ต้องมีคือ  • ขนมกงรูปร่างเป็นล้อรถไม่มีรอยต่อมีความเชื่อว่าจะทำให้ความรักของคู่บ่าวสาวจีรัง ไม่มีวันแยกจากกัน
•  ขนมโพรงแสม มีรูปร่างยาวใหญ่คล้ายกับเสาเรือน ทำให้อยู่กันยืนยาว
•  ขนมสามเกลอ มีลักษณะเป็นสามก้อนติดกัน ให้คู้บ่าวสาวเสี่ยงทายว่าจะอยู่ด้วยกันได้นานหรือไม่ หากขนมแยกจากกันก็ถือว่าไม่ใช่เนื้อคู่ที่แท้จริง นอกจากนี้ยังมี  •  ขนมใส่ไส้  •  ขนมฝักบัว  •  ขนมบ้าบิ่น  •  ขนมนมสาว อีกด้วย
พิธีบวงสรวงสังเวยเทพยดาและพระภูมิ นิยมใช้ขนมที่เป็นมงคลนามแล้ว ก็มีขนมตามความเชื่อ ในลัทธิพราหมณ์ ดังนี้  •  ขนมต้มแดง  •  ขนมต้มขาว  •  ขนมเล็บมือนาง  •  ขนมคันหลาว  •  ขนมดอกจอก•  ขนมทองหยิบ  •  ขนมถั่วแปบ •  ขนมหูช้าง  •  ข้าวเหนียวแดง  •  ขนมประเภทบวชต่าง  

ขนมไทยสู่ตลาดโลก 
         ปัจจุบันขนมไทยก้าวไกลสู่ตลาดนานาประเทศทั่วโลกสามารถทำชื่อเสียงให้กับประเทศไทยของเราอีกทางหนึ่งเช่นขนมไทยจากบ้านขนมไทย นพวรรณ ของอาจารย์นพวรรณ จงสุขสันติกุเมื่อพูดถึงขนมไทย หลายคนอาจนึกถึงความหวานมันของกะทิ และความหวานของน้ำตาล ซึ่งมีผลต่อสุขภาพมากมาย แต่ถ้าพูดถึง ขนมไทยเพื่อสุขภาพ หลายคนอาจสงสัยว่า ความหวานกับความมัน จะดีต่อสุขภาพได้อย่างไร ? แต่อาจารย์นพวรรณทำได้ โดยพัฒนา รูปแบบ และดัดแปลงความหวานด้วยการใช้ความหวานจากผลไม้ส่วนความมันกะทิก็ลดปริมาณลงแล้วใส่ข้าวบาร์เลย์แทนหรือการนำพืชผักและสมุนไพรมา เป็นส่วนผสมด้วยเช่นดอกอัญชันแทนสีน้ำเงินดอกคำฝอยแทนสีแดงใบเตยแทนสีเขียวหรือใส่งาดำเพิ่มคุณค่าอาหารทำให้เกิดขนมไทยรูปแบบใหม่ มีความอร่อยลงตัวและส่งผลดีต่อสุขภาพได้ด้วยบ้านขนมไทยนพวรรณมีขนมให้เลือกมากมายกว่า๑๐๐ชนิดด้วยการผลิตที่สดใหม่ซึ่งเป็นจุดเด่นที่ทำ ชื่อเสียงให้กับบ้านขนมไทย เน้นการจัดตกแต่งและบรรจุภัณฑ์ที่เป็นเอกลักษณ์ความเป็นไทยทำให้ขนมไทยนพวรรณมีชื่อเสียงและขยายธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศใน รูปแบบ แฟรนไชส์ ที่มีมาตรฐานและคุณภาพ ช่วยให้ท่านสามารถเลือกใช้ขนมไทยในโอกาสพิเศษ เช่น งานเลี้ยงต่างๆ หรือการประชุมหรือเป็นของขวัญของฝากผู้ใหญ่ ญาติสนิทมิตรสหายได้ทุกเทศกาล หรือจะทำเป็นธุรกิจ SME ส่วนตัว ก็สามารถทำได้  
      
  ขนมไทยของขวัญนานาเทศกาล    
         ขนมไทยมีมากมายหลายชนิดทั้งที่เป็นขนมไทยแบบโบราณและขนมที่รับมาจากต่างประเทศจนกลืนเป็นขนมของไทยด้วยความช่างประดิด ประดอยคิดค้นและวิวัฒนาการของคนไทยทำให้ขนมไทยโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะและมีคุณค่าในตัวเองปัจจุบันคนไทยหันมานิยมใช้ขนมไทย เป็นของขวัญของฝากในนานาเทศกาลไม่ว่าจะเป็นวันขึ้นปีใหม่ไทยหรือสากลวันคล้ายวันเกิดวันขึ้นบ้านใหม่วันเกษียณอายุราชการฯลฯขนมไทยกับ ความหมายให้ เลือกใช้ตาม เทศกาล
  • ขนมชั้น - ความเจริญก้าวหน้าในขั้น เลื่อนตำแหน่ง เลื่อนชั้น  
  • ขนมจ่ามงกุฎ - ความเจริญก้าวหน้า เป็นหัวหน้า เลื่อนยศ  
  • ขนมถ้วยฟู - ความเจริญฟูเฟื่อง รุ่งเรือง  
  • ขนมตาล - ความหวานชื่น ราบรื่นของชีวิต  
  • ขนมทองเอก - ความเป็นหนึ่ง  
  • ขนมลูกชุบ - ความน่ารักน่าเอ็นดู มักใช้กับผู้ใหญ่ให้กับผู้น้อย  
  • ข้าวเหนียวแก้ว - ความดีประเสริฐ ดุจดังแก้ว  
  • ขนมเสน่ห์จันทร์-ความมีเสน่ห์ดุจจันทร์วันเพ็ญฯลฯ 
    ที่สำคัญหากเป็นขนมที่ทำขึ้นเองรสอร่อยสวยงามซึ่งแสดงถึงความตั้งใจจริงของผู้ให้พร้อมบัตรคำอวยพรที่มีความหมายคล้องจองกับขนม ที่ให้จะ ประทับใจทั้งผู้ให้และผู้รับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น